คำเตือน: CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการใช้เลเวอเรจ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถยอมรับความเสี่ยงสูงในการสูญเสียเงินได้หรือไม่
-
เริ่มเทรด
-
แพลตฟอร์ม
-
ผลิตภัณฑ์
-
เรียนรู้
-
การวิเคราะห์
-
ศูนย์ฝึก
-
โปรโมชัน
-
เกี่ยวกับ
-
องค์กร
-
การเป็นพันธมิตร
-
การเทรด
-
เริ่มเทรด
-
แพลตฟอร์ม
-
ผลิตภัณฑ์
-
-
แหล่งเรียนรู้
-
เรียนรู้
-
การวิเคราะห์
-
ศูนย์ฝึก
-
-
โปรโมชัน
-
โปรโมชัน
-
-
บริษัท
-
เกี่ยวกับ
-
องค์กร
-
การเป็นพันธมิตร
-
US
ภาษา
-
English
English
-
简体中文
Simplified Chinese
-
한국어
Korean
-
Melayu
Maleyu
-
Việt
Vietnamese
-
Indonesian
Indonesian
-
العربية
Arabic
-
日本語
Japanease
-
繁體中文
Traditional Chinese
-
Français
French
-
Español
Spanish
-
Português
Portuguese
-
Deutsch
German
-
فارسی
Persian
-
Italiano
Italian
-
Русский язык
Russian
-
Türkçe
Turkish
-
Polski
Polish
-
हिंदी
Hindi
เติมพลังงานให้พอร์ตเดินไปข้างหน้าด้วยการเทรดน้ำมัน CFD
น้ำมันยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดโลกอยู่เสมอ และยังเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เข้าถึงโอกาสที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอด ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทาน

เจาะหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยการเทรดน้ำมัน CFD
-
ราคาน้ำมันจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ระดับโลก ทำให้เกิดโอกาสที่น่าสนใจขึ้น
-
ด้วยการเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ น้ำมันจึงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด เนื่องจากมีอุปทานสูงอยู่ตลอด
-
เลือกเทรดน้ำมัน CFD ให้เหมาะกับกลยุทธ์ของคุณ


จะเริ่มเทรดน้ำมันกับ STARTRADER ได้อย่างไร?
หากคุณต้องการหาประสบการณ์เทรดในตลาดพลังงานนั้น STARTRADER พร้อมเสนอบัญชีทดลองให้คุณใช้ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรจะเริ่ม:
-
ขั้นตอนที่ 1- ทำความเข้าใจให้มากขึ้นเกี่ยวกับพลังงานที่คุณอยากจะเทรด
-
ขั้นตอนที่ 2- เริ่มเทรดด้วยบัญชีทดลอง เพื่อทดสอบกลยุทธ์เทรดพลังงานก่อน
-
ขั้นตอนที่ 3- เปลี่ยนไปใช้บัญชีจริงเมื่อรู้สึกมั่นใจแล้ว
-
ขั้นตอนที่ 4- ลองใช้แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันของเรา
ทำไมต้องเริ่มเทรดน้ำมันกับ STARTRADER?
แอปเทรดระดับท็อปเทียร์
สะดวก ปลอดภัย และใช้ได้ง่ายๆ ให้คุณเข้าถึงตลาดได้ทุกที่ทุกเวลา มาพร้อมลิสต์สินทรัพย์โปรดที่ให้คุณปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เพื่อติดตามออเดอร์ได้ตลอดไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
ดำเนินคำสั่งได้ใน 100 มิลลิวินาที
ในโลกแห่งการเทรด การดำเนินคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว คือการสร้างความแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความหน่วงต่ำสุด ออเดอร์ของคุณจะพร้อมออกใน 100 มิลลิวินาทีเสมอ ให้คุณคว้าโอกาสได้ทันที
สเปรดที่แคบเป็นพิเศษ
ทำกำไรให้สูงสุดด้วยค่าสเปรดที่ไม่เป็นรองใครบนแพลตฟอร์มเทรดทองระดับท็อป เริ่มที่ 0.0 pips ค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงหมายถึงกำไรที่สูงขึ้น
การให้บริการตลอด 24/6
รับคำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับการเทรดได้ตลอดที่ต้องการ เราพร้อมให้การสนับสนุนด้วยความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของเรา
เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:1000
ด้วยเลเวอเรจที่ใช้ได้ถึง 1:1000* คุณจะมีโอกาสได้เปิดโพสิชันที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง และขยายการเข้าถึงสินค้าเกษตร CFD มากมาย อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่าเลเวอเรจที่สูงขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ให้ขึ้นใจ ต้องคอยหมั่นติดตามข้อมูล และใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเสมอ *เลเวอเรจที่เกินกว่า 1:30 อาจไม่สามารถใช้ได้ในบางภูมิภาค เนื่องจากข้อบังคับด้านกฎระเบียบ
บัญชีเทรดที่หลากหลาย
คุณจะได้เลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและประสบการณ์ ไล่ตั้งแต่บัญชีทดลองไปจนถึงบัญชีมาตรฐานและ ECN หากยังเป็นมือใหม่ ให้เริ่มต้นจากบัญชีทดลอง หรือเลือกบัญชีมาตรฐานและบัญชี ECN เพื่อเข้าถึงค่าสเปรดและเลเวอเรจที่ไม่เป็นรองใคร!
คำถามที่พบบ่อย
-
1.
น้ำมันเบรนท์คืออะไร?
น้ำมันดิบเบรนท์หรือเรียกสั้นๆ ว่า เบรนท์ เป็นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและปริมาณกำมะถันต่ำ ถูกขุดเจาะมาจากทะเลเหนือ ถือเป็นหนึ่งในน้ำมันดิบที่ใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมัน เช่นเดียวกับ WTI (West Texas Intermediate) และน้ำมันดิบดูไบ
คุณสมบัติสำคัญของน้ำมันดิบเบรนท์:
- มีปริมาณกำมะถันและความหนาแน่นต่ำ
- กลั่นเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ง่าย
- เป็นน้ำมันหลักที่ใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมันในยุโรป เนื่องจากผลิตที่ทะเลเหนือ
เนื่องจากคุณภาพและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของน้ำมันดิบเบรนท์ ทำให้มันถูกใช้เป็น เกณฑ์กำหนดราคาหลัก ในการเทรดน้ำมันดิบผ่านตลาดฟอเร็กซ์ ตลาดฟิวเจอร์ส และสัญญาน้ำมันทั่วโลก
2.น้ำมันดิบเบรนท์ กับน้ำมันดิบ WTI ต่างกันอย่างไร?
แม้ว่าทั้งน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI (West Texas Intermediate) จะเป็นน้ำมันดิบที่ถูกใช้เป็นเกณฑ์การกำหนดราคาและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ เช่น:
- แหล่งที่มา: น้ำมันดิบเบรนท์มีต้นกำเนิดในทะเลเหนือ ส่วน WTI ถูกขุดเจาะบนบกในสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่เท็กซัสและโอคลาโฮมา
- ปริมาณกำมะถัน: เบรนท์เป็นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและปริมาณกำมะถันต่ำ ขณะที่ WTI มีปริมาณกำมะถันที่ต่ำยิ่งกว่า จึงทำให้มีความหนาแน่นต่ำกว่าเล็กน้อย
- ความหนาแน่น: น้ำมันดิบเบรนท์จะมีน้ำหนักที่หนักกว่าเมื่อเทียบกับ WTI แม้จะถือเป็นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นต่ำทั้งคู่
- ราคา: น้ำมันดิบเบรนท์มักมีราคาที่พรีเมียมกว่า WTI เนื่องจากมีอุปสงค์ระหว่างประเทศและต้นทุนขนส่งที่สูงกว่า ขณะที่ WTI มักมีราคาถูกกว่า เนื่องจากไม่ต้องขนส่งและการเก็บรักษา เพราะเป็นน้ำมันที่ขุดเจาะได้บนดินเท่านั้น
- การทำหน้าที่ในตลาด: น้ำมันดิบเบรนท์มักทำหน้าที่เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมัน กินราคาไปประมาณสองในสามของตลาดน้ำมันดิบโลก ส่วน WTI เน้นเป็นเกณฑ์กำหนดราคาของตลาดน้ำมันในสหรัฐเป็นหลัก
ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้น้ำมันดิบเบรนท์เป็นตัวกำหนดราคามาตรฐานสำคัญสำหรับสัญญาซื้อขายน้ำมันระหว่างประเทศ
-
3.
ทำไมน้ำมันดิบเบรนท์ถึงถูกใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคา?
น้ำมันดิบเบรนท์ถูกใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมันทั่วไปด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้:
- ความสำคัญระดับโลก: เพราะมีต้นกำเนิดในทะเลเหนือและส่งออกไปยังตลาดโลกตลอด ทำให้มันกลายเป็นอุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำมันโลก
- ตลาดมีสภาพคล่องและความมั่นคงสูง: น้ำมันดิบเบรนท์มีสภาพคล่องสูงมากในตลาด และมีปริมาณการเทรดที่เยอะในตลาดฟิวเจอร์ส CFD และสปอต
- ใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการกำหนดราคา: แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์และผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนใหญ่ ต่างก็ใช้เบรนท์เป็นตัวกำหนดราคาในสัญญา
มีการคาดการณ์ว่า ประมาณสองในสามของสัญญาน้ำมันทั่วโลกใช้น้ำมันดิบเบรนท์เป็นตัวกำหนดราคา
4.การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD คืออะไร?
การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD คือการเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ โดยไม่ต้องถือครองตัวน้ำมันจริง การเทรด CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) เป็นรูปแบบการเทรดที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้ทั้งจากการซื้อและขาย:
-
5.
การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD ทำงานอย่างไร?
ตอนที่เทรดเบรนท์ CFD นั้น คุณกำลังทำสัญญากับโบรกเกอร์เพื่อเทรดส่วนต่างของราคาเปิดและราคาปิด
- เปิด Long (ซื้อ): ถ้าคุณคาดว่าราคาเบรนท์จะขึ้น
- เปิด Short (ขาย): ถ้าคุณคาดว่าราคาเบรนท์จะลง
โดย CFD จะแตกต่างจากสัญญาฟิวเจอร์สตรงที่ CFD ไม่ต้องเป็นเจ้าของน้ำมันจริง ทำให้นักลงทุนรายย่อยเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
6.อะไรคือข้อดีของการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD?
การเทรดเบรนท์ CFD มีข้อดีหลายประการดังนี้:
- ไม่ต้องเป็นเจ้าของน้ำมันจริง: ไม่ต้องกังวลเรื่องการขนส่งหรือการจัดเก็บน้ำมันใดๆ ทั้งสิ้น
- เลเวอเรจ: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ต่างก็มีเลเวอเรจให้ใช้เพื่อลดต้นทุนของเทรดเดอร์ และยังสามารถเปิดโพสิชันที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินทุนจริงๆ ได้
- เทรดได้ตลอด 24/5: ตลาดน้ำมันดิบเปิดเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน ต่างจากตลาดหุ้นที่มีเวลาจำกัด
- กำไรในทุกสภาวะ: ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือตก คุณก็สามารถทำกำไรได้ทั้งตอนเปิด Long หรือเปิด Short
- ค่าธรรมเนียมต่ำ: ค่าธรรมเนียมในการเทรด CFD มักต่ำกว่าการเทรดฟิวเจอร์สหรือสัญญาซื้อขายน้ำมันจริง
จากข้อดีทั้งหมดนี้ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงมองว่าการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD เป็นวิธีที่สะดวกในการเก็งกำไรจากราคาน้ำมัน
-
7.
มีแพลตฟอร์มไหนบ้างที่ให้บริการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD?
มีแพลตฟอร์มออนไลน์และโบรกเกอร์มากมายที่ให้บริการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD โดยจะมีแพลตฟอร์มชั้นนำดังนี้:
- - MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) – แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเทรด CFD
- - STARTRADER – หนึ่งในแพลตฟอร์มเทรด CFD ที่มีคนใช้มากที่สุด
- - cTrader – ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วในการออกออเดอร์และฟีเจอร์สร้างกราฟที่ล้ำสมัย
- - NinjaTrader – มีการใช้อย่างแพร่หลายโดยเทรดเดอร์มืออาชีพ
- - แพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์ – เช่น eToro Plus500 และ IG Markets ที่มีระบบเทรดเฉพาะตัว
ในการเลือกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์นั้น สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก็คือ ค่าธรรมเนียม เลเวอเรจ การเข้าถึงตลาดต่างๆ และการให้บริการลูกค้า
8.สัญลักษณ์สำหรับเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์สคืออะไร?
สัญลักษณ์ของน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์สคือ BRN ในตลาดส่วนใหญ่ ดังนั้นก็อาจมีตลาดบางแห่งที่ใช้ตัวย่อต่างกันไป:
- ICE Futures ยุโรป: BRN
- CME Group (NYMEX): BZ
- โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ และ CFD: มักใช้ชื่อ "Brent" หรือ "UKOIL"
สัญญาฟิวเจอร์สก็มีวันหมดอายุเช่นกัน โดยถูกกำหนดเป็น BRN1! (สำหรับสัญญาที่ใกล้หมดอายุมากที่สุด) และ BRN2! (สำหรับสัญญาในเดือนถัดไป)
-
9.
เวลาเทรดน้ำมันดิบเบรนท์คือกี่โมง?
ช่วงเวลาเทรดน้ำมันดิบเบรนท์จะยาวนานกว่าสินทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากเป็นสินค้านานาชาติ โดยเวลาปกติในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส (ICE Futures Europe) คือ:
- จันทร์ ถึง ศุกร์: 01:00 – 23:00 GMT
- การเทรดก่อนตลาดเปิด: โบรกเกอร์ CFD บางแห่งอาจเปิดให้เทรดนอกเวลาได้
เนื่องจากเบรนท์มีปริมาณการเทรดที่หนักหน่วงในตลาดฟิวเจอร์สและตลาดเทรดน้ำมันดิบฟอเร็กซ์ สภาพคล่องจึงสูงเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน
10.ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อราคาน้ำมันดิบเบรนท์?
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มักมีการเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยหลายประการ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ต้องการแต่ก็ยังคงความผันผวนในตัว เทรดเดอร์ที่เข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะสามารถตัดสินใจลงทุนในน้ำมันดิบเบรนท์ได้อย่างถูกต้อง
1. กฎแห่งอุปสงค์และอุปทาน
- - เมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้น (เช่นช่วงเศรษฐกิจบูม) ราคาก็จะพุ่งขึ้น
- - เมื่ออุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ (เช่นการที่ OPEC+ ผลิตมามากเกินไป) ราคาก็ดิ่งลง
2. พัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์
- สงคราม ความขัดแย้งทางการค้า หรือมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศที่ผลิตน้ำมัน (เช่น อิหร่าน รัสเซีย) อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในตลาด ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น
3. การดำเนินงานของ OPEC+
- องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตร (OPEC+) ต่างมีส่วนกำหนดปริมาณการผลิคน้ำมันในตลาด การกระทำขององค์กรถือเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้โดยตรง
4. ความแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
- เนื่องจากน้ำมันดิบเบรนท์ถูกกำหนดให้เทรดด้วยดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นถ้าดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะถูกลง แต่ถ้าดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น
5. ภัยพิบัติทางธรรมชาติและสภาพอากาศ
- ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือพายุเฮอริเคนในประเทศผู้ผลิตสามารถทำลายโรงงานผลิตและลดอุปทานในโลกภัยธรรมชาติ หรือพายุเฮอริเคนที่โจมตีประเทศที่ผลิตน้ำมัน อาจทำให้โรงกลั่นพังเสียหาย ส่งผลให้ผลิตน้ำมันได้น้อยลง
6. เครื่องวัดสุขภาพเศรษฐกิจ
- การเติบโตของ GDP ตัวเลขการจ้างงาน และดัชนีการผลิต คือตัวเลขที่บอกใบ้ให้เห็นถึงความต้องการน้ำมันในอนาคต ถ้าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ความต้องการน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น ดันให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งสูง
-
11.
การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคคืออะไร?
การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคคือการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต เพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต เทรดเดอร์มักใช้กราฟ แพทเทิร์น และอินดิเคเตอร์ต่างๆ เพื่อหาโอกาสในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์
อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคหลักๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์มีดังนี้:
- ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages - MA): ช่วยในการระบุแนวโน้ม (เช่น การตัดกันของ MA ที่ 50 วัน และ 200 วัน)
- Relative Strength Index (RSI): แสดงสัญญาณของการซื้อหรือขายที่มากเกินไป
- MACD (Moving Average Convergence Divergence): เปรียบเสมือนเครื่องวัดที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทาง
- Fibonacci Retracement: ใช้ในการหาจุดที่น่าจะเป็นระดับแนวรับหรือแนวต้าน
- Bollinger Bands: ช่วยระบุความผันผวนและจุดที่อาจจะเกิดการทะลุขึ้นหรือลง
การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคเปรียบเสมือนการตรวจจับกระแสการเคลื่อนไหวของตลาด ไม่ใช่เพียงแค่รอข่าวทั่วไปเท่านั้น
12.จะหาแหล่งข้อมูลในการวิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้ที่ไหน?
เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลวิเคระห์น้ำมันดิบเบรนท์ล่าสุดได้จากแหล่งต่อไปนี้:
1. เว็บไซต์ข่าวการเงิน:
- - Bloomberg, Reuters, CNBC – อัปเดตข่าวสารตลาดน้ำมันแบบเรียลไทม์
- - Investing.com และ TradingView – มีกราฟราคาให้ปรับแต่ง พร้อมบทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์ตัวจริง
2. ปฏิทินเศรษฐกิจ:
- เว็บไซต์อย่าง ForexFactory และ DailyFX เกาะติดทุกเหตุการณ์สำคัญ เช่นข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและการประชุม OPEC
3. แพลตฟอร์มเทรด:
- ทุกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์หลักอย่าง MT4 MT5 และ cTrader ต่างก็มีข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์และอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคครบเครื่อง
4. รายงานการวิเคราะห์จากโบรกเกอร์:
- โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ชั้นนำหลายแห่งจะมอบรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ให้อ่าน
-
13.
จะเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ได้อย่างไร
เทรดเดอร์สามารถเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยง และกลยุทธ์การลงทุน
1. เทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD
- การเทรด CFD ถือเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดแล้วสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย ตามที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น CFD จะให้คุณได้เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยไม่ต้องถือครองน้ำมันจริง
2. เทรดน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส
- สำหรับการถือครองโพสิชันระยะยาวนั้น สัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบเบรนท์ (BRN) จะมีการเทรดในตลาด ICE Futures Europe & CME Group ถึงแม้สัญญาฟิวเจอร์สจะต้องใช้เงินทุนมากกว่า แต่ก็ให้ความโปร่งใสได้ดีกว่า
3. เทรดน้ำมันดิบเบรนท์ออปชัน
- การเทรดออปชันจะมีสัญญา "Call" (คาดว่าราคาจะขึ้น) หรือสัญญา "Put" (คาดว่าราคาจะลง) ให้ซื้อ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและเก็งกำไรได้ยืดหยุ่นมากขึ้น
4. เทรดน้ำมันดิบกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
- โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์หลายแห่งมีการให้บริการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ นอกเหนือจากคู่สกุลเงิน จึงทำให้คุณได้ผสมผสานการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์และฟอเร็กซ์บนแพลตฟอร์มเดียวกัน
5. ลงทุนผ่านกองทุน ETF และหุ้นน้ำมัน
- นักลงทุนระยะยาวจะได้รับผลตอบแทนจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์แบบอ้อมๆ ผ่านการลงทุนในกองทุน exchange-traded (ETFs) และหุ้นบริษัทน้ำมัน (ExxonMobil, BP, Shell และอื่นๆ)
14.เลือกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์
การเลือกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดให้มีประสิทธิภาพ ควรมองหาฟีเจอร์สำคัญดังต่อไปนี้:
1. มีการกำกับควบคุมและความปลอดภัย
- เลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานการเงินดังๆ
2. ค่าธรรมเนียมและสเปรด
- เลือกโบรกเกอร์ที่เก็บค่าสเปรดและคอมมิชชันต่ำๆ ในการเทรดเบรนท์ CFD
3. มีเครื่องมือวิเคราะห์และโปรแกรมสร้างกราฟ
- แพลตฟอร์มอย่าง MT4 และ MT5 ต่างก็มีความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์
4. เลเวอเรจ
- โบรกเกอร์บางแห่งจะมีเลเวอเรจให้ใช้ ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้น แต่ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน และอาจทำให้ขาดทุนเกินเงินทุนที่มีได้ด้วย
5. มีฝ่ายให้บริการลูกค้า และออกออเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว
- การพร้อมให้บริการและการออกออเดอร์ได้อย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
-
15.
สรุป: น้ำมันดิบเบรนท์คุ้มที่จะเทรดหรือไม่?
การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ถือเป็นโอกาสทำกำไรที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่อ่านแนวโน้มตลาดและใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็น ไม่ว่าจะเลือกเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD ฟิวเจอร์ส หรือฟอเร็กซ์ ต่างก็เป็นทางเลือกหลากหลายให้เข้าถึงตลาดได้
เคล็ดลับการประสบความสำเร็จในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์:
- อัปเดตข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์ และประกาศสำคัญจาก OPEC
- ใช้การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคในการหาจังหวะเข้าออก
- ใช้แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
- จัดการความเสี่ยงด้วย Stop-Loss และควบคุมการใช้เลเวอเรจให้เหมาะสม
เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ได้ถูกต้องและมีวินัยในการเทรด จะทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาของหนึ่งในพลังงานที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราใช้คุกกี้เพื่อทำความเข้าใจว่าคุณใช้งานเว็บไซต์ของเราอย่างไร และเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยดูนโยบายคุกกี้ของเรา