Icon close
change language change language ภาษาไทย

เส้นทางการเติบโตของ STARTRADER

หนึ่งใน
โบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

เส้นทางการเติบโตของ STARTRADER

หนึ่งใน
โบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

US

เจาะหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยการเทรดน้ำมัน CFD

  • ราคาน้ำมันจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ระดับโลก ทำให้เกิดโอกาสที่น่าสนใจขึ้น

  • ด้วยการเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ น้ำมันจึงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่สุด เนื่องจากมีอุปทานสูงอยู่ตลอด

  • เลือกเทรดน้ำมัน CFD ให้เหมาะกับกลยุทธ์ของคุณ

Brent Oil Trading Platform
Brent Oil Trading With STARTRADER

จะเริ่มเทรดน้ำมันกับ STARTRADER ได้อย่างไร?

หากคุณต้องการหาประสบการณ์เทรดในตลาดพลังงานนั้น STARTRADER พร้อมเสนอบัญชีทดลองให้คุณใช้ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรจะเริ่ม:

  • ขั้นตอนที่ 1-  ทำความเข้าใจให้มากขึ้นเกี่ยวกับพลังงานที่คุณอยากจะเทรด

  • ขั้นตอนที่ 2-  เริ่มเทรดด้วยบัญชีทดลอง เพื่อทดสอบกลยุทธ์เทรดพลังงานก่อน

  • ขั้นตอนที่ 3-  เปลี่ยนไปใช้บัญชีจริงเมื่อรู้สึกมั่นใจแล้ว

  • ขั้นตอนที่ 4-  ลองใช้แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันของเรา

ทำไมต้องเริ่มเทรดน้ำมันกับ STARTRADER?

Categories

แอปเทรดระดับท็อปเทียร์

สะดวก ปลอดภัย และใช้ได้ง่ายๆ ให้คุณเข้าถึงตลาดได้ทุกที่ทุกเวลา มาพร้อมลิสต์สินทรัพย์โปรดที่ให้คุณปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เพื่อติดตามออเดอร์ได้ตลอดไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

Geer

ดำเนินคำสั่งได้ใน 100 มิลลิวินาที

ในโลกแห่งการเทรด การดำเนินคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว คือการสร้างความแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความหน่วงต่ำสุด ออเดอร์ของคุณจะพร้อมออกใน 100 มิลลิวินาทีเสมอ ให้คุณคว้าโอกาสได้ทันที

Direction Arrow

สเปรดที่แคบเป็นพิเศษ

ทำกำไรให้สูงสุดด้วยค่าสเปรดที่ไม่เป็นรองใครบนแพลตฟอร์มเทรดทองระดับท็อป เริ่มที่ 0.0 pips ค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงหมายถึงกำไรที่สูงขึ้น

Customer Service

การให้บริการตลอด 24/6

รับคำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับการเทรดได้ตลอดที่ต้องการ เราพร้อมให้การสนับสนุนด้วยความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของเรา

Leverage

เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:1000

ด้วยเลเวอเรจที่ใช้ได้ถึง 1:1000* คุณจะมีโอกาสได้เปิดโพสิชันที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง และขยายการเข้าถึงสินค้าเกษตร CFD มากมาย อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่าเลเวอเรจที่สูงขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ให้ขึ้นใจ ต้องคอยหมั่นติดตามข้อมูล และใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเสมอ *เลเวอเรจที่เกินกว่า 1:30 อาจไม่สามารถใช้ได้ในบางภูมิภาค เนื่องจากข้อบังคับด้านกฎระเบียบ

Trading

บัญชีเทรดที่หลากหลาย

คุณจะได้เลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและประสบการณ์ ไล่ตั้งแต่บัญชีทดลองไปจนถึงบัญชีมาตรฐานและ ECN หากยังเป็นมือใหม่ ให้เริ่มต้นจากบัญชีทดลอง หรือเลือกบัญชีมาตรฐานและบัญชี ECN เพื่อเข้าถึงค่าสเปรดและเลเวอเรจที่ไม่เป็นรองใคร!

คำถามที่พบบ่อย

  • 1.  

    น้ำมันเบรนท์คืออะไร?

    น้ำมันดิบเบรนท์หรือเรียกสั้นๆ ว่า เบรนท์ เป็นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและปริมาณกำมะถันต่ำ ถูกขุดเจาะมาจากทะเลเหนือ ถือเป็นหนึ่งในน้ำมันดิบที่ใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมัน เช่นเดียวกับ WTI (West Texas Intermediate) และน้ำมันดิบดูไบ

    คุณสมบัติสำคัญของน้ำมันดิบเบรนท์:

    • มีปริมาณกำมะถันและความหนาแน่นต่ำ
    • กลั่นเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซลได้ง่าย
    • เป็นน้ำมันหลักที่ใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมันในยุโรป เนื่องจากผลิตที่ทะเลเหนือ

    เนื่องจากคุณภาพและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของน้ำมันดิบเบรนท์ ทำให้มันถูกใช้เป็น เกณฑ์กำหนดราคาหลัก ในการเทรดน้ำมันดิบผ่านตลาดฟอเร็กซ์ ตลาดฟิวเจอร์ส และสัญญาน้ำมันทั่วโลก

    2.  

    น้ำมันดิบเบรนท์ กับน้ำมันดิบ WTI ต่างกันอย่างไร?

    แม้ว่าทั้งน้ำมันดิบเบรนท์และ WTI (West Texas Intermediate) จะเป็นน้ำมันดิบที่ถูกใช้เป็นเกณฑ์การกำหนดราคาและมีการซื้อขายมากที่สุดในโลก แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ เช่น:

    • แหล่งที่มา: น้ำมันดิบเบรนท์มีต้นกำเนิดในทะเลเหนือ ส่วน WTI ถูกขุดเจาะบนบกในสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่เท็กซัสและโอคลาโฮมา
    • ปริมาณกำมะถัน: เบรนท์เป็นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นและปริมาณกำมะถันต่ำ ขณะที่ WTI มีปริมาณกำมะถันที่ต่ำยิ่งกว่า จึงทำให้มีความหนาแน่นต่ำกว่าเล็กน้อย
    • ความหนาแน่น: น้ำมันดิบเบรนท์จะมีน้ำหนักที่หนักกว่าเมื่อเทียบกับ WTI แม้จะถือเป็นน้ำมันดิบที่มีความหนาแน่นต่ำทั้งคู่
    • ราคา: น้ำมันดิบเบรนท์มักมีราคาที่พรีเมียมกว่า WTI เนื่องจากมีอุปสงค์ระหว่างประเทศและต้นทุนขนส่งที่สูงกว่า ขณะที่ WTI มักมีราคาถูกกว่า เนื่องจากไม่ต้องขนส่งและการเก็บรักษา เพราะเป็นน้ำมันที่ขุดเจาะได้บนดินเท่านั้น
    • การทำหน้าที่ในตลาด: น้ำมันดิบเบรนท์มักทำหน้าที่เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมัน กินราคาไปประมาณสองในสามของตลาดน้ำมันดิบโลก ส่วน WTI เน้นเป็นเกณฑ์กำหนดราคาของตลาดน้ำมันในสหรัฐเป็นหลัก

    ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้น้ำมันดิบเบรนท์เป็นตัวกำหนดราคามาตรฐานสำคัญสำหรับสัญญาซื้อขายน้ำมันระหว่างประเทศ

  • 3.  

    ทำไมน้ำมันดิบเบรนท์ถึงถูกใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคา?

    น้ำมันดิบเบรนท์ถูกใช้เป็นเกณฑ์กำหนดราคาน้ำมันทั่วไปด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้:

    • ความสำคัญระดับโลก: เพราะมีต้นกำเนิดในทะเลเหนือและส่งออกไปยังตลาดโลกตลอด ทำให้มันกลายเป็นอุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำมันโลก
    • ตลาดมีสภาพคล่องและความมั่นคงสูง: น้ำมันดิบเบรนท์มีสภาพคล่องสูงมากในตลาด และมีปริมาณการเทรดที่เยอะในตลาดฟิวเจอร์ส CFD และสปอต
    • ใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการกำหนดราคา: แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์และผลิตภัณฑ์ทางการเงินส่วนใหญ่ ต่างก็ใช้เบรนท์เป็นตัวกำหนดราคาในสัญญา

    มีการคาดการณ์ว่า ประมาณสองในสามของสัญญาน้ำมันทั่วโลกใช้น้ำมันดิบเบรนท์เป็นตัวกำหนดราคา

    4.  

    การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD คืออะไร?

    การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD คือการเก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ โดยไม่ต้องถือครองตัวน้ำมันจริง การเทรด CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) เป็นรูปแบบการเทรดที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้ทั้งจากการซื้อและขาย:

  • 5.  

    การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD ทำงานอย่างไร?

    ตอนที่เทรดเบรนท์ CFD นั้น คุณกำลังทำสัญญากับโบรกเกอร์เพื่อเทรดส่วนต่างของราคาเปิดและราคาปิด

    • เปิด Long (ซื้อ): ถ้าคุณคาดว่าราคาเบรนท์จะขึ้น
    • เปิด Short (ขาย): ถ้าคุณคาดว่าราคาเบรนท์จะลง

    โดย CFD จะแตกต่างจากสัญญาฟิวเจอร์สตรงที่ CFD ไม่ต้องเป็นเจ้าของน้ำมันจริง ทำให้นักลงทุนรายย่อยเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ได้สะดวกยิ่งขึ้น

    6.  

    อะไรคือข้อดีของการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD?

    การเทรดเบรนท์ CFD มีข้อดีหลายประการดังนี้:

    • ไม่ต้องเป็นเจ้าของน้ำมันจริง: ไม่ต้องกังวลเรื่องการขนส่งหรือการจัดเก็บน้ำมันใดๆ ทั้งสิ้น
    • เลเวอเรจ: โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ต่างก็มีเลเวอเรจให้ใช้เพื่อลดต้นทุนของเทรดเดอร์ และยังสามารถเปิดโพสิชันที่มีขนาดใหญ่กว่าเงินทุนจริงๆ ได้
    • เทรดได้ตลอด 24/5: ตลาดน้ำมันดิบเปิดเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน ต่างจากตลาดหุ้นที่มีเวลาจำกัด
    • กำไรในทุกสภาวะ: ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือตก คุณก็สามารถทำกำไรได้ทั้งตอนเปิด Long หรือเปิด Short
    • ค่าธรรมเนียมต่ำ: ค่าธรรมเนียมในการเทรด CFD มักต่ำกว่าการเทรดฟิวเจอร์สหรือสัญญาซื้อขายน้ำมันจริง

    จากข้อดีทั้งหมดนี้ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงมองว่าการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD เป็นวิธีที่สะดวกในการเก็งกำไรจากราคาน้ำมัน

  • 7.  

    มีแพลตฟอร์มไหนบ้างที่ให้บริการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD?

    มีแพลตฟอร์มออนไลน์และโบรกเกอร์มากมายที่ให้บริการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD โดยจะมีแพลตฟอร์มชั้นนำดังนี้:

    • - MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) – แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเทรด CFD
    • - STARTRADER – หนึ่งในแพลตฟอร์มเทรด CFD ที่มีคนใช้มากที่สุด
    • - cTrader – ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วในการออกออเดอร์และฟีเจอร์สร้างกราฟที่ล้ำสมัย
    • - NinjaTrader – มีการใช้อย่างแพร่หลายโดยเทรดเดอร์มืออาชีพ
    • - แพลตฟอร์มเฉพาะของโบรกเกอร์ – เช่น eToro Plus500 และ IG Markets ที่มีระบบเทรดเฉพาะตัว

    ในการเลือกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์นั้น สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก็คือ ค่าธรรมเนียม เลเวอเรจ การเข้าถึงตลาดต่างๆ และการให้บริการลูกค้า

    8.  

    สัญลักษณ์สำหรับเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์สคืออะไร?

    สัญลักษณ์ของน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์สคือ BRN ในตลาดส่วนใหญ่ ดังนั้นก็อาจมีตลาดบางแห่งที่ใช้ตัวย่อต่างกันไป:

    • ICE Futures ยุโรป: BRN
    • CME Group (NYMEX): BZ
    • โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ และ CFD: มักใช้ชื่อ "Brent" หรือ "UKOIL"

    สัญญาฟิวเจอร์สก็มีวันหมดอายุเช่นกัน โดยถูกกำหนดเป็น BRN1! (สำหรับสัญญาที่ใกล้หมดอายุมากที่สุด) และ BRN2! (สำหรับสัญญาในเดือนถัดไป)

  • 9.  

    เวลาเทรดน้ำมันดิบเบรนท์คือกี่โมง?

    ช่วงเวลาเทรดน้ำมันดิบเบรนท์จะยาวนานกว่าสินทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากเป็นสินค้านานาชาติ โดยเวลาปกติในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส (ICE Futures Europe) คือ:

    • จันทร์ ถึง ศุกร์: 01:00 – 23:00 GMT
    • การเทรดก่อนตลาดเปิด: โบรกเกอร์ CFD บางแห่งอาจเปิดให้เทรดนอกเวลาได้

    เนื่องจากเบรนท์มีปริมาณการเทรดที่หนักหน่วงในตลาดฟิวเจอร์สและตลาดเทรดน้ำมันดิบฟอเร็กซ์ สภาพคล่องจึงสูงเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน

    10.  

    ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อราคาน้ำมันดิบเบรนท์?

    ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มักมีการเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยหลายประการ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ต้องการแต่ก็ยังคงความผันผวนในตัว เทรดเดอร์ที่เข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะสามารถตัดสินใจลงทุนในน้ำมันดิบเบรนท์ได้อย่างถูกต้อง

    1. กฎแห่งอุปสงค์และอุปทาน

    • - เมื่ออุปสงค์เพิ่มขึ้น (เช่นช่วงเศรษฐกิจบูม) ราคาก็จะพุ่งขึ้น
    • - เมื่ออุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ (เช่นการที่ OPEC+ ผลิตมามากเกินไป) ราคาก็ดิ่งลง

    2. พัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์

    • สงคราม ความขัดแย้งทางการค้า หรือมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศที่ผลิตน้ำมัน (เช่น อิหร่าน รัสเซีย) อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในตลาด ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้น

    3. การดำเนินงานของ OPEC+

    • องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตร (OPEC+) ต่างมีส่วนกำหนดปริมาณการผลิคน้ำมันในตลาด การกระทำขององค์กรถือเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้โดยตรง

    4. ความแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ

    • เนื่องจากน้ำมันดิบเบรนท์ถูกกำหนดให้เทรดด้วยดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นถ้าดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะถูกลง แต่ถ้าดอลลาร์อ่อนค่าลง ราคาน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น

    5. ภัยพิบัติทางธรรมชาติและสภาพอากาศ

    • ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือพายุเฮอริเคนในประเทศผู้ผลิตสามารถทำลายโรงงานผลิตและลดอุปทานในโลกภัยธรรมชาติ หรือพายุเฮอริเคนที่โจมตีประเทศที่ผลิตน้ำมัน อาจทำให้โรงกลั่นพังเสียหาย ส่งผลให้ผลิตน้ำมันได้น้อยลง

    6. เครื่องวัดสุขภาพเศรษฐกิจ

    • การเติบโตของ GDP ตัวเลขการจ้างงาน และดัชนีการผลิต คือตัวเลขที่บอกใบ้ให้เห็นถึงความต้องการน้ำมันในอนาคต ถ้าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ความต้องการน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น ดันให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งสูง
  • 11.  

    การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคคืออะไร?

    การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคคือการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต เพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต เทรดเดอร์มักใช้กราฟ แพทเทิร์น และอินดิเคเตอร์ต่างๆ เพื่อหาโอกาสในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์

    อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคหลักๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์มีดังนี้:

    • ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages - MA): ช่วยในการระบุแนวโน้ม (เช่น การตัดกันของ MA ที่ 50 วัน และ 200 วัน)
    • Relative Strength Index (RSI): แสดงสัญญาณของการซื้อหรือขายที่มากเกินไป
    • MACD (Moving Average Convergence Divergence): เปรียบเสมือนเครื่องวัดที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนทิศทาง
    • Fibonacci Retracement: ใช้ในการหาจุดที่น่าจะเป็นระดับแนวรับหรือแนวต้าน
    • Bollinger Bands: ช่วยระบุความผันผวนและจุดที่อาจจะเกิดการทะลุขึ้นหรือลง

    การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคเปรียบเสมือนการตรวจจับกระแสการเคลื่อนไหวของตลาด ไม่ใช่เพียงแค่รอข่าวทั่วไปเท่านั้น

    12.  

    จะหาแหล่งข้อมูลในการวิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้ที่ไหน?

    เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลวิเคระห์น้ำมันดิบเบรนท์ล่าสุดได้จากแหล่งต่อไปนี้:

    1. เว็บไซต์ข่าวการเงิน:

    • - Bloomberg, Reuters, CNBC – อัปเดตข่าวสารตลาดน้ำมันแบบเรียลไทม์
    • - Investing.com และ TradingView – มีกราฟราคาให้ปรับแต่ง พร้อมบทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์ตัวจริง

    2. ปฏิทินเศรษฐกิจ:

    • เว็บไซต์อย่าง ForexFactory และ DailyFX เกาะติดทุกเหตุการณ์สำคัญ เช่นข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและการประชุม OPEC

    3. แพลตฟอร์มเทรด:

    • ทุกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์หลักอย่าง MT4 MT5 และ cTrader ต่างก็มีข้อมูลราคาแบบเรียลไทม์และอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคครบเครื่อง

    4. รายงานการวิเคราะห์จากโบรกเกอร์:

    • โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ชั้นนำหลายแห่งจะมอบรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ให้อ่าน
  • 13.  

    จะเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ได้อย่างไร

    เทรดเดอร์สามารถเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยง และกลยุทธ์การลงทุน

    1. เทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD

    • การเทรด CFD ถือเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดแล้วสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย ตามที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้น CFD จะให้คุณได้เก็งกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา โดยไม่ต้องถือครองน้ำมันจริง

    2. เทรดน้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส

    • สำหรับการถือครองโพสิชันระยะยาวนั้น สัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบเบรนท์ (BRN) จะมีการเทรดในตลาด ICE Futures Europe & CME Group ถึงแม้สัญญาฟิวเจอร์สจะต้องใช้เงินทุนมากกว่า แต่ก็ให้ความโปร่งใสได้ดีกว่า

    3. เทรดน้ำมันดิบเบรนท์ออปชัน

    • การเทรดออปชันจะมีสัญญา "Call" (คาดว่าราคาจะขึ้น) หรือสัญญา "Put" (คาดว่าราคาจะลง) ให้ซื้อ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและเก็งกำไรได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

    4. เทรดน้ำมันดิบกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์

    • โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์หลายแห่งมีการให้บริการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ นอกเหนือจากคู่สกุลเงิน จึงทำให้คุณได้ผสมผสานการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์และฟอเร็กซ์บนแพลตฟอร์มเดียวกัน

    5. ลงทุนผ่านกองทุน ETF และหุ้นน้ำมัน

    • นักลงทุนระยะยาวจะได้รับผลตอบแทนจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์แบบอ้อมๆ ผ่านการลงทุนในกองทุน exchange-traded (ETFs) และหุ้นบริษัทน้ำมัน (ExxonMobil, BP, Shell และอื่นๆ)
    14.  

    เลือกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์

    การเลือกแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดให้มีประสิทธิภาพ ควรมองหาฟีเจอร์สำคัญดังต่อไปนี้:

    1. มีการกำกับควบคุมและความปลอดภัย

    • เลือกแพลตฟอร์มที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานการเงินดังๆ

    2. ค่าธรรมเนียมและสเปรด

    • เลือกโบรกเกอร์ที่เก็บค่าสเปรดและคอมมิชชันต่ำๆ ในการเทรดเบรนท์ CFD

    3. มีเครื่องมือวิเคราะห์และโปรแกรมสร้างกราฟ

    • แพลตฟอร์มอย่าง MT4 และ MT5 ต่างก็มีความสามารถในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์

    4. เลเวอเรจ

    • โบรกเกอร์บางแห่งจะมีเลเวอเรจให้ใช้ ทำให้มีโอกาสทำกำไรได้สูงขึ้น แต่ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน และอาจทำให้ขาดทุนเกินเงินทุนที่มีได้ด้วย

    5. มีฝ่ายให้บริการลูกค้า และออกออเดอร์ได้อย่างรวดเร็ว

    • การพร้อมให้บริการและการออกออเดอร์ได้อย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
  • 15.  

    สรุป: น้ำมันดิบเบรนท์คุ้มที่จะเทรดหรือไม่?

    การเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ถือเป็นโอกาสทำกำไรที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่อ่านแนวโน้มตลาดและใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็น ไม่ว่าจะเลือกเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ CFD ฟิวเจอร์ส หรือฟอเร็กซ์ ต่างก็เป็นทางเลือกหลากหลายให้เข้าถึงตลาดได้

    เคล็ดลับการประสบความสำเร็จในการเทรดน้ำมันดิบเบรนท์:

    • อัปเดตข่าวสารทางภูมิรัฐศาสตร์ และประกาศสำคัญจาก OPEC
    • ใช้การวิเคราะห์น้ำมันดิบเบรนท์ทางเทคนิคในการหาจังหวะเข้าออก
    • ใช้แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
    • จัดการความเสี่ยงด้วย Stop-Loss และควบคุมการใช้เลเวอเรจให้เหมาะสม

    เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ได้ถูกต้องและมีวินัยในการเทรด จะทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาของหนึ่งในพลังงานที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มเทรดกับโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลก

พร้อมเทรดแล้วหรือยัง?

STARTRADER

Online Trading App

Online App Score
Install
Customer Service
Customer Service